วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 เวลา 13.00 น. นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วมประชุมหารือกับส่วนราชการรับทราบสถานการณ์ และลงพื้นที่ตรวจภูมิประเทศบริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร เพื่อเตรียมพร้อมผลักดันให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวรในอนาคต โดยมีนายดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-เมียนมา (Joint Boundry Committee : JBC) พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวให้การต้อนรับ โดยมี ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ แลเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ซึ่งในการประชุมในวันนี้ เป็นการรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การบริหารจัดการชายแดนพื้นที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆกับผู้แทนส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อเตรียมเจรจากับฝ่ายเมียนมา ให้สามารถยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรในภายภาคหน้า หรือหากไม่สามารถยกระดับให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ ก็จะผลักดันให้สามารถเปิดให้บุคคลและยานพาหนะเดินทางเข้าออกได้เช่นเดิม
ในส่วนของการบริหารจัดการพื้นที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้กำหนดมาตรการในการใช้ช่องทางผ่านแดนจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร โดยกำหนดเวลาเปิดปิดตามประกาศกระทรวงมหาดไทย คือเวลา 06.30 น. - 18.30 น. โดยการนำเข้า-ส่งออก ให้เป็นไปตามนโยบายสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระเบียบกฎหมายศุลกากรและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการขนถ่ายสินค้า ให้ผู้ประกอบการแจ้งให้จังหวัดทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 วัน ซึ่งยานพาหนะขนสินค้าเข้าออกให้ปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด แต่เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินการโครงการก่อสร้างลานขนถ่ายสินค้ายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ทำให้มีความจำเป็นต้องขนถ่ายสินค้าแบบท้ายชนท้าย โดยแบ่งพื้นที่การขนถ่ายสินค้าเป็น 3 พื้นที่ ดังนี้
1. อาหารทะเล อาหารเปียก ให้ขนถ่ายบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ ใช้แรงงานไทยและเมียนมา สลับกันคนละวัน
2. อาหารแห้งส่งออก ให้ขนถ่ายบริเวณลานหน้าด่านฝั่งเมียนมา ใช้แรงงานเมียนมา 100%
3. อาหารแห้งนำเข้า ให้ขนถ่ายบริเวณอาคาร CIQ ฝั่งไทย ใช้แรงงานไทย 100%
นอกจากนี้ยังพบปัญหาและอุปสรรค จากสถานการณ์ไม่สงบภายในประเทศเมียนมา ทำให้ไม่สามารถนำเข้าอาหารทะเลได้ และการนำเข้า-ส่งออก จึงทำได้ภายในระยะ 50 กิโลเมตรเท่านั้น
สำหรับมูลค่าการค้าชายแดน ณ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการนำเข้า 4,407.75 ล้านบาท มูลค่าการส่งออก 2,235.01 ล้านบาท รวมมูลค่าการค้ารวมกว่า 6,642.76 ล้านบาท ซึ่งสินค้านำเข้าส่วนมากเป็นอาหารทะเล และแร่ดีบุก นอกจากนี้ยังมีผลิตผลทางการเกษตรได้แก่ หมากแห้ง หอมใหญ่ หอมแดง และสินค้าส่งออกได้แก่ รังนกสำเร็จรูป ครีมเทียม นมข้น เม็ดพลาสติก โพลีเอททีลีน เครื่องดื่ม แอปเปิ้ล สาลี่ รองเท้าแตะ และอื่นๆ
นอกจากนี้ ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังมีโครงการพัฒนาด่านสิงขร ซึ่งสืบเนื่องจากคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างไทย-เมียนมา เห็นชอบร่วมกันที่จะผลักดันในการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนสิงขร-มูด่อง เป็นด่านพรมแดนถาวร ซึ่งจากมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาเปิดจุดผ่านแดน ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ได้เห็นชอบในหลักการยกระดับด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการยกระดับด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวรดังกล่าว กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ทำการศึกษาออกแบบรายละเอียด โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดนด่านสิงขรในปี 2557 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดด่านถาวรดังกล่าว โดยองค์ประกอบโครงสร้างที่ออกแบบ ประกอบด้วย ด่านพรมแดนและอาคารประกอบ งานปรับปรงภูมิทัศน์/ถนนพื้นที่โดยรอบ งานระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบน้ำประปา โดยในช่วงปี 2559-2561 กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการก่อสร้างองค์ประกอบโครการตามผลการศึกษาออกแบบมาเป็นลำดับ ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะด่านสิงขร โครงการพัฒนาด่านสิงขร ระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 ซึ่งองค์ประกอบโครงการหลักที่ได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง ประกอบด้วย อาคารด่านพรมแดน (CIQ) อาคารที่ทำการตรวจสอบ(CHECKING POST) ถนนผ่านแดน ถนนภายในและภายนอกโครงการ การปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ข้างเคียง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมืองค์ประกอบโครงการอีกมากที่ต้องได้รับการพัฒนาสำหรับรองรับการเปิดใช้งานด่านฯ โดยเฉพาะอาคารที่กอาศัยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาคารศูนย์บริการการค้าชายแดน และระบบประปาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นองค์ประกอบโครงการที่จำเป็นสำหรับการเปิดใช้งานด่านสิงขรในระยะแรก ณ ห้องประชุมช่องกระจก ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์